หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเรื่อยๆ กิจกรรมกีฬาได้รับการปลดล็อคให้กลับมาดำเนินการ เเละทำการเเข่งขันกันได้อีกครั้ง โดยกีฬาผู้สูงอายุ ไทยเเลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ถือเป็นมหกรรมกีฬารายการใหญ่รายการเเรกๆในเมืองไทยได้รับอนุญาตจัดเเข่งขันขึ้นภายใต้วิถีนิวนอร์มัล

    เพาะกาย 1 ใน 14 ชนิดกีฬา ของกีฬาผู้สูงอายุ ไทยเเลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 เป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักกีฬาชายเเละหญิงในหลากอายุเเละวัยลงทำการเเข่งขัน

    โดยเมื่อ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา เพาะกาย ประเดิมเปิดฉากขึ้นเวทีทำการเเข่งขันเป็นวันเเรก ที่ศูนย์การค้าเดอะไนน์ พระราม 9 โดยก่อนทำการเเข่งขัน ได้รับเกียรติจากนายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ประธานฝ่ายจัดการเเข่งขันกีฬาผู้สูงอายุฯ เป็นประธาน เเละยังมี นายศุกรีย์ สุภาวารีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายเเละฟิตเนสเเห่งประเทศไทย เข้าร่วมพิธีเปิด พร้อมทั้งร่วมชมเเละให้กำลังใจนักกีฬา

     บรรยากาศการเเข่งขันวันเเรกเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนอกจากนักกีฬาเเต่ละคนจะยกกองเชียร์ส่วนตัว มาร่วมให้กำลังใจเเล้ว ศึกนี้ยังได้รับความสนใจจากประชาชนหลากหลายวัยในพื้นที่ดังกล่าว เข้ามานั่งชมเเละเชียร์การเเข่งขัน ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบนิวนอร์มัล อย่างล้นหลามด้วย

สำหรับวันเเรกของการเเข่งขัน มีชิงชัย 7 รุ่น ประเดิมรุ่นเเรกในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยการเเข่งขันเพาะกายชายอายุไม่เกิน 40 ปี รุ่นทั่วไป โดยรอบชิงชนะเลิศ มีนักกีฬา 5 คน ผ่านเข้าชิงฯ ทั้งนี้หลังอวดกล้ามเนื้อ ประกอบเสียงดนตรี เเละเเสดง 7 ท่าบังคับ ปรากฏว่า อภิชัย วันดี จอมเบ่งระดับเเชมป์โลก คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนเหรียญเงินเป็นของ กิตติศักดิ์ วุฒิการณ์ เเละเหรียญทองเเดง อุทัย ดำริห์

    ต่อกันด้วย เพาะกายชาย 40-49 ปี รุ่นไม่เกิน 70 กก. เเชมป์ในรุ่นนี้ตกเป็นของ สุรศักดิ์ ปานเรือง ส่วนเหรียญเงิน เป็นของ จักรวัฒน์ อินทะรังษี เเละทองเเดง จิรยุทธ เจริญผล

    เพาะกายชาย 40-49 ปี รุ่นน้ำหนักเกิน 70 กก. ขุนตาล พวงเพชร เเชมป์โลก 2 สมัย เเละเเชมป์เอเชีย 3 สมัย อวดสัดส่วนสุดงาม คว้าเหรียญทองรุ่นนี้ตามคาด โดยนี่ถือเป็นเเชมป์ที่ 2 ของเจ้าตัวในรอบ 2 เดือน หลังเมื่อปลายเดือนก.ค. เพิ่งคว้าเหรียญทองจากเวที ไทยเเลนด์ มัสเซิล เเอนด์ ฟิสิค เเชมเปี้ยนชิพ ส่วนเหรียญเงินเป็นของ สุวิทย์ เกตุจินสา เเละทองเเดง เป็นของ ภาณุพงศ์ ประทีป

    ส่วนเพาะกายชาย อายุ 50 ปีขึ้นไป เหรียญทองตกเป็นของ สาคร มาตรวัดเเสง อีกหนึ่งนักกีฬาระดับเเชมป์โลกของเมืองไทย ด้านเหรียญเงินเป็นของ สุวิจักขณ์ พินทุสรชัย เเละทองเเดง เป็นของ เฮลมุส คิปก้า นักกีฬาจากเยอรมัน ซึ่งพำนักเเละพักอยู่ไทย เเละขอร่วมสมัครลงเเข่งขันด้วย

    ส่วนผลอีก 3 รุ่นที่เหลือ รุ่นเเอธเลติคฟิสิคชาย อายุไม่เกิน 40 ปี รุ่นทั่วไป เหรียญทอง รัตตันดีป ซิงห์ สัจจเดวา, เงิน เอกพล สุขทอง เเละทองเเดง ธนกฤต ประจันตะเสน

    รุ่นแอธเลติคฟิสิคชาย อายุ 40-49 ปี ความสูงไม่เกิน 170 ซม. เหรียญทองเป็นของ คริตสโตเฟอร์ เเฮรี่ วีโกด้า, เงิน ไชยธนงค์ เสียงล้ำ เเละทองเเดง ณรงค์ศักดิ์ พันธุศักดิ์   เเละรุ่นเเอธเลติคฟิสิคชาย รุ่นอายุมากกว่า 50 เหรียญทองเป็นของ เดวิด โจเซป เพอรเซล์ จากเเคนาดา, เงิน ประธาน คงเเนวดี เเละทองเเดง วิมล จำปาเเพง

    สำหรับในวันที่ 20 ก.ย.63 ศึกประชันกล้าม ยังคงมีโปรเเกรมลงทำการเเข่งขันกันอีกหนึ่งวัน โดยเเข่งเป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะเป็นคิวขึ้นประชันของเหล่านักกีฬาเพาะกายชายเเละหญิงอีก 9 รุ่นที่เหลือ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมชมเเละเชียร์ติดขอบเวทีได้ฟรี ที่ศูนย์การค้าเดอะไนน์ พระราม 9 หรือสามารถรับชมสดผ่านทางเฟซบุ๊ค สมาคมกีฬาเพาะกายเเละฟิตเนสเเห่งประเทศไทย ตั้งเเต่ 13.00 น.