หลังจากฟอร์มบู่ไปนาน นับตั้งแต่มหันตภัยไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ล่าสุด "เพชฌฆาตปืนกล" จัดด์ ทรัมป์ นักสอยคิวมือ 1 ของโลกชาวอังกฤษ ได้กลับคืนสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้ง จากการเอาชนะ นีล โรเบิร์ตสัน นักสอยคิวมือ 3 ของโลกจากออสเตรเลีย 9-8 เฟรม ในศึกอิงลิชโอเพ่น 2020 รอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับผงาดคว้าแชมป์มาครองเป็นครั้งแรก ณ มาร์แชลอารีนา เมืองมิลตันคีนส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา

    ก่อนที่จะคว้าแชมป์รายการนี้ นักสอยคิวถนัดซ้ายวัย 31 ปี ตกอยู่ในสภาวะจ่อปากเหว จวนเจียนจะตกรอบแรกๆอยู่หลายแมตช์ โดยเฉพาะ 3 รอบแรก ไล่ตั้งแต่รอบแรก(128 คน) ที่พบกับ หลุยส์ ฮีธโคต มือ 69 ของโลกจากอังกฤษ, รอบ 2(64 คน) ที่พบกับ หยวน ซื่อ จุน มือ 45 ของโลกจากจีน และ รอบ 3(32 คน) ที่ดวลกับ ไมเคิล โฮลต์ มือ 30 ของโลกจากอังกฤษ

    ทั้ง 3 แมตช์ดังกล่าว จัดด์ ทรัมป์ โดนคู่แข่งขึ้นแท่นนำไปก่อน 1-3 ทุกแมตช์ แต่ก็ฮึดฟื้นคืนชีพกลับมาคว้าชัยด้วยสกอร์ 4-3 ทั้ง 3 แมตช์เช่นกัน

    หากแฟนสนุกเกอร์ได้ชมทั้ง 3 แมตช์นี้ ก็จะพบว่า อดีตแชมป์โลกเมื่อปี 2019 ออกคิวไม่ดีเอาเสียเลย พลาดลูกง่ายๆอย่างน่าเกลียดหลายช็อต แต่เขาก็เอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งนี่คือคุณสมบัติ ที่นักสนุกเกอร์ระดับชั้นนำของโลกต้องมี กับการพาตัวเอง รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปให้ได้ ในยามที่ต้องเผชิญกับฟอร์มที่ออกทะเล

หลังฝ่าวิกฤตฟอร์มตกมาได้ทั้ง 3 รอบ จัดด์ ทรัมป์ เริ่มกลับคืนสู่ฟอร์มเดิม การตบหลุมที่แม่นยำอันเป็นเอกลักษณ์เริ่มกลับมาให้เห็น จนสามารถคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด คว้าเงินรางวัล 70,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2,800,000 บาทไปครอง

    นับเป็นแชมป์รายการระดับเวิลด์แรงคฺกิ้งรายการที่ 18 ของเจ้าตัว ขยับรั้งอันดับ 6 ร่วมกับ มาร์ค เซลบี้(อังกฤษ) และ นีล โรเบิร์ตสัน(ออสเตรเลีย) ในทำเนียบนักสนุกเกอร์ที่คว้าแชมป์เวิลด์แรงค์กิ้งทัวร์นาเมนต์มากที่สุดในโลก โดยเป็นรองเพียง 5 คนเท่านั้น ได้แก่ อันดับ 1 รอนนี่ โอซัลลิแวน(37 รายการ), อันดับ 2 สตีเฟ่น เฮนดรี้(36 รายการ), อันดับ 3 จอห์น ฮิกกินส์(30 รายการ),อันดับ 4 สตีฟ เดวิส(28 รายการ) และอันดับ 5 มาร์ค เจ วิลเลียมส์(22 รายการ)

    คว้าชัยในรอบชิงเวิลด์แรงค์กิ้งทัวร์นาเมนต์ 10 รายการติด

    นอกจากนี้ จัดด์ ทรัมป์ ยังสร้างสถิติอันน่ามหัศจรรย์ขึ้นมาอีก 1 เรื่อง นั่นก็คือ การคว้าชัยในรอบชิงชนะเลิศของรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง ได้ถึง 10 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ นอร์เทิร์นไอร์แลนด์ 2018, เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2019, ชิงแชมป์โลก 2019, อินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปี้ยนชิพ 2019, เวิลด์โอเพ่น 2019, นอร์เทิร์นไอร์แลนด์ 2019, เยอรมันมาสเตอร์ 2020, เพลย์เยอร์สแชมเปี้ยนชิพ 2020, ยิบรอลตาร์โอเพ่น 2020 และล่าสุด อิงลิชโอเพ่น 2020
 P-ทัวร์นาเมนต์เวิลด์แรงค์กิ้งรายการสุดท้ายที่ ทรัมป์ อกหักในรอบชิงชนะเลิศ ก็ต้องย้อนกลับไปในศึกเซี่ยงไฮ้มาสเตอร์ส 2017 เมื่อ 3 ปีที่แล้วเลย ซึ่งในขณะนั้น ทรัมป์ ยังไม่จัดจ้านเหมือนในตอนนี้ จึงโดน รอนนี่ กะซวกยับในรอบชิงชนะเลิศถึง 10-3 เฟรมเลยทีเดียว

    ทรัมป์ ลุ้นคั่วโบนัสก้อนโต 1 ล้านปอนด์

    และจากการคว้าแชมป์อิงลิชโอเพ่นครั้งล่าสุด ทำให้นักสอยคิวจากเมืองบริสตอลรายนี้ เป็นนักสนุกเกอร์เพียงคนเดียวในฤดูกาลนี้ ที่มีลุ้นคว้าเงินโบนัส 1 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 40 ล้านบาท หากสามารถเหมาแชมป์ 4 รายการประเภทโฮมเนชั่นซีรี่ส์มาครองในฤดูกาลเดียวกัน อันประกอบด้วย อิงลิชโอเพ่น 2020(ได้มาแล้ว), นอร์เทิร์นไอร์แลนด์โอเพ่น 2020, สกอตติชโอเพ่น 2020 และเวลช์โอเพ่น 2021

    ด้าน นีล โรเบิร์ตสัน นักสอยคิวชาวออสซี่ ที่ทำท่าว่าจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ หลังจากนำ จัดด์ ทรัมป์ ห่างถึง 7-4 เฟรม แต่ก็กลับมาแพ้ไปในที่สุด ได้เงินรางวัลจากการคว้ารองแชมป์ในครั้งนี้ไป 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,200,000 บาท

    การคิดคะแนนสะสมที่สุดยุ่งเหยิง

    ตามปกติแล้ว การคิดคะแนนสะสมอันดับโลก จะนำเอาจำนวนเงินรางวัลจากรายการปัจจุบัน ลบกับจำนวนเงินรางวัลที่ได้รับจากรายการเดียวกันเมื่อ 2 ปีก่อน อย่างเช่นเงินรางวัลที่ได้รับจากศึกชิงแชมป์โลก 2020 ไปลบกับเงินรางวัลที่ได้รับจากศึกชิงแชมป์โลก 2018 เป็นต้น

    ทว่าในสภาวะที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาด แถมหลายรายการในประเทศจีนโดนยกเลิกการแข่งขัน และยังไม่รู้จะกลับมาแข่งขันได้อีกหรือไม่ จึงทำให้เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) ได้สร้างระบบคิดคะแนนสะสมขึ้นมาใหม่ โดยใช้กับศึกอิงลิชโอเพ่น 2020 โดยเฉพาะ

    กล่าวคือ หลังจากจบศึกอิงลิชโอเพ่น 2020 ก็จะนำเงินรางวัลของนักสนุกเกอร์แต่ละคนที่ได้จากรายการนี้ ไปลบกับเงินรางวัลที่ได้รับจาก 3 รายการเมื่อปี 2018 อันประกอบด้วย ศึกอิงลิชโอเพ่น 2018 และศึกยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2018 รวมไปถึงศึกไชน่าแชมเปี้ยนชิพ 2018 อีก 1 รายการ 

    เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ "ฉลามหิน" มาร์ค เซลบี้ ต้องโชคร้ายแบบสุดๆ เพราะจากการที่เขาได้แชมป์รายการที่มีเงินรางวัลสูงอย่างศึกไชน่าแชมเปี้ยนชิพ 2018 จึงได้ทรัพย์ก้อนโตจากการคว้าแชมป์ในครั้งนั้นถึง 150,000 ปอนด์ 

    นอกจากนี้ เซลบี้ ยังได้เงินรางวัลจากศึกยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2018 อีก 6,000 ปอนด์ จากการตกรอบ 16 คน และอีก 2,500 ปอนด์ จากการตกรอบ 64 คนในศึกอิงลิชโอเพ่น 2018 

    ในขณะที่ศึกอิงลิชโอเพ่น 2020 ที่เพิ่งจบไป เขาได้รับเงินรางวัล 20,000 ปอนด์ จากการตกรอบรองชนะเลิศ 

    เมื่อนำเอาเงินรางวัลที่ได้รับจากศึกอิงลิชโอเพ่น 2020(20,000 ปอนด์) ไปลบกับเงินรางวัลที่เขาได้รับจากศึกไชน่าแชมเปี้ยนชิพ 2018(150,000 ปอนด์),ยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2018(6,000 ปอนด์) และอิงลิชโอเพ่น 2018(2,500 ปอนด์) หรือ 20,000 - (150,000+6,000+2,500)

    ปรากฏว่า คะแนนสะสมของอดีตแชมป์โลก 3 สมัย โดนหักถึง 138,500 คะแนนเลยทีเดียว ยังโชคดีที่อันดับโลกของ เซลบี้ ไม่ร่วงแต่อย่างใด โดยยังคงรั้งอันดับ 4 ของโลกเหมือนเดิม

    ส่วน จอห์น ฮิกกินส์ ก็ต้องโดนหักคะแนนสะสมแบบสะบั้นหั่นแหลกเช่นกัน จากการคว้ารองแชมป์ศึกไชน่าแชมเปี้ยนชิพ 2018 เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเมื่อผ่านการคำนวณแล้ว นักสอยคิวแดนวิสกี้โดนหัก 61,000 คะแนนเลยทีเดียว จนร่วงจากอันดับ 7 มาสู่อันดับ 8 แล้ว แม้ศึกอิงลิชโอเพ่น 2020 ที่เพิ่งจบไป จะเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศก็ตาม

    ด้าน จัดด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนสะสมเพิ่ม 40,000 คะแนน จากผลงานการคว้าแชมป์รายการนี้ และยังรั้งอันดับ 1 ของโลกอย่างเหนียวแน่น ส่วน นีล โรเบิร์ตสัน มีคะแนนสะสมเพิ่ม 13,500 คะแนน ยังคงรั้งอันดับ 3 ของโลกเช่นกัน

    ขณะที่ รอนนี่ โอซัลลิแวน โดนหักแค่จิ๊บๆแค่ 16,000 คะแนน ยังคงรั้งอันดับ 2 ของโลกต่อไป