กระแสมวยไทยชกทุกวันนี้ยกสุดท้ายไม่ยอมออกอาวุธเอาแต่ถอย เอาแต่เต้นโดยเฉพาะมวยตกเป็นรองแต่กลับออกมาเต้นออกมาถอยเหมือนหวังหลอกกรรมการทำทรงเหมือนเป็นต่อ ซึ่งที่ผ่านมาหลายคู่หลอกกรรมการสำเร็จอีกต่างหาก และปัจจุบันนี้แพร่ระบาดยิ่งกว่าเชื้อ โควิด-19   กระทั่งเกิดกรอื้อฉาวขึ้นมาในรายการ “ศึกเชฟบุญธรรมออนไลน์” เมื่อวันอังคารที่ 8 กันยายน ที่เวทีธนกรยิม ในคู่  “ปืนกล ชำนินาบอน” กับ “ฉัตรพลอย ส.พูนสวัสดิ์” ที่ทั้งคู่ไม่ยอมออกอาวุธใส่กัน จนกรรมการ นรินทร์ ผ่องหิรัญ กรรมการผู้ห้ามบนเวทีไล่ลงจากเวทีในยกสุดท้ายทั้งคู่ แต่กลับถูกเซียนมวยฝั่งปืนกล ไม่พอใจฮือประท้วงคำตัดสิน จนในที่สุดได้มีการพลิกคำตัดสินโดยเรียกนักมวยทั้งคู่ขึ้นบนเวทีแล้วชูมือให้เป็นเสมอกันไป โดย นายธนดล อยู่เบิก ประธานเทคนิคได้ออกมายืนยันว่าทำถูกต้องตามนโยบายของเวทีหากไม่ยอมชกกัน ส่วนการกลับลำให้เสมอเพราะหวั่นเหตุการณ์บานปลาย นั้น

ทาง “บิ๊กชุ้น” นายธีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ โปรโมเตอร์วิก 7 สี กล่าวกับผู้สื่อข่าว SMM SPORT ว่า เกมการชกของมวยไทยในยุคนี้ หากปล่อยให้เลยตามเลย ก็เกรงว่าจะเป็นแบบอย่าง และกลายเป็นความเคยชิน วันนี้(อาทิตย์ที่ 13 ก.ย.) จึงได้มีการประชุมกลุ่มย่อย โดยมี “บิ๊กหมู” นายสมยศ อรุณมาศ รองนายสนามมวยเวทีช่อง 7 สี เป็นฝ่ายบริหาร และอาจารย์เชิดชัยชาญนนท์ ศรีชรัชต์ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการควบคุมเกมการต่อสู้บนเวที ว่านอกเหนือจากกติกาที่ใช้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ควรที่จะต้องเร่งเร้าให้นักมวยออกอาวุธ กันด้วยโดยเฉพาะในยกสุดท้าย ซึ่งขณะนี้กำลังกลายเป็นโรคระบาดยิ่งกว่าเชื้อโควิด-19 ที่นักมวยไม่ยอมชกกันโดยเฉพาะในยกสุดท้าย คู่คี่ก็ไม่ยอมชกกัน

เท่านั้นยังไม่พอ โปรโมเตอร์วิก 7 สี กล่าวว่า “โดยเฉพาะนักมวยที่เป็นรอง แต่กลับเอาแต่เต้น เอาแต่ถอยเหมือนหลอกกรรมการว่าตัวเองเป็นต่อ (แถมบางคู่หลอกได้สำเร็จ) และมวยที่เป็นต่อก็จะต้องไม่ถอยมาก ให้ปักหลักเฉยๆ ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของผมก็ได้ เรียกนักมวยหรือหัวหน้าคณะกำชับก่อนชกอยู่เสมอ  แต่เรื่องบนเวทีต้องฝากให้กรรมการเร่งเกมเพื่อให้เกมการชกเข้มข้นด้วย โดยเฉพาะมวยเป็นรองแต่ถอยต้องเตือน เพราะเมื่อวันก่อนผได้พบกับรัฐมนตรี ต่างประเทศ ท่านยังบอกว่า ทำไมมวยไทยยกสุดท้ายที่เป็นยกสำคัญกลับไม่ยอมชกกัน ผมก็ตอบไม่ถูก แต่ฟังแล้วยังรู้สึกว่าเกมการชกมวยไทยทุกวันนี้น่าละอาย”

ในขณะที่ รองนายสนามมวยช่อง 7 สี เน้นย้ำนโยบายรางวัลคู่มวยดุเดือด ถ้ายกสุดท้ายไม่ยอมออกอาวุธใส่กัน เอาแต่เต้นจนกรรมการเตือนจะตัดสิทธิ์การพิจารณาเป็นคู่ดุเดือด ทั้งที่ต่างยังมีพละกำลังเหลือเฟือ ไม่ใช่ออกอาวุธใส่กันจนอ่อนระโหย ซึ่งดูก็รู้อยู่แล้ว