ป้านั่งรถเข็นไปฟอกไตที่ รพ. ฝากเวรเปลกดเอทีเอ็ม ลูกโอนมา 5,800 หายไป 5,000

ป้านั่งรถเข็นไปฟอกไตที่ รพ. ฝากเวรเปลกดเอทีเอ็ม ลูกโอนมา 5,800 หายไป 5,000
(24 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายรวย อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนันท์ อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา ชาว ต.ศรีภูมิอ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากให้ช่วยตรวจสอบ หลังเงินในบัญชีหายไป 5,000 บาท หลังจากวานให้พนักงานเปลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เอาบัตรเอทีเอ

(24 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายรวย อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนันท์  อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา ชาว ต.ศรีภูมิอ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากให้ช่วยตรวจสอบ หลังเงินในบัญชีหายไป 5,000 บาท หลังจากวานให้พนักงานเปลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เอาบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงินที่ลูกสาวโอนมาให้ แล้วเงินหายไป จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

เมื่อไปถึงที่บ้าน ก็พบป้าสุนันท์ นั่งรถเข็นอยู่ที่บ้านเนื่องจากไม่สามารถเดินไปมาด้วยตัวเองได้  โดยป้าสุนันท์ เล่าให้ฟังว่า ตนเองป่วยเป็นโรคไตมาประมาณ 7 ปีแล้วต้องไปฟอกไตที่โรงพยาบาลในตัวเมืองบุรีรัมย์สัปดาห์ละ 3 วัน  แต่ที่ผ่านมาก็ยังพอนั่งรถไฟไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเองได้  แต่เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มกระดูกร้าวทำให้ไม่สามารถเดินไปมาเองได้ ต้องใช้รถเข็นสำหรับคนพิการ  หลังจากนั้นทาง อบต.ศรีภูมิ ก็ให้รถกู้ชีพมาช่วยบริการรับ-ส่ง ไปฟอกไตที่โรงพยาบาลในตัวเมือง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะฐานะยากจน

กระทั่งวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ไปฟอกไตตามหมอนัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งระหว่างทางลูกสาวได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าโอนเงินมาให้จำนวน 5,800 บาท เพื่อเอาไปใช้หนี้ค่านมหลานสาววัย 2 ขวบ เพราะค้างค่านมกับร้านในหมู่บ้านเอาไว้ อีกส่วนหนึ่งให้เอาไปเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว  

หลังจากฟอกไตเสร็จ  ป้าสุนันท์ ซึ่งเดินไม่ได้ส่วนสามีก็กดเอทีเอ็มไม่เป็นจึงวานให้ให้เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นพนักงานเปลช่วยไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลให้ จากนั้นไม่นานพนักงานคนดังกล่าวก็เดินกลับมาบอกว่าเงินในบัญชีมีแค่ 1 พันบาทเท่านั้น ป้าสุนันท์ ก็รู้สึกแปลกใจจึงให้สามีเดินไปกับพนักงานคนดังกล่าวอีกรอบ เพื่อไปดูว่าเงินในบัญชีมีแค่ 1,000 บาทจริงหรือไม่ เพราะลูกสาวโทรมาบอกว่าโอนมาให้ 5,800 บาท พอสามีเดินกลับมาอีกทีก็บอกว่ามีเงินเหลือบัญชี 1,087 บาทจริง จึงให้พนักงานคนดังกล่าวช่วยกดถอนออกมา 1,000 บาท ทำให้เหลือเงินติดบัญชี 87 บาท  

 

ด้วยความคาใจจึงได้โทรศัพท์กลับไปสอบถามลูกสาวอีกรอบว่าโอนเงินมาให้เท่าไหร่ ลูกสาวก็ยืนยันว่าโอนมาให้ 5,800 บาท พร้อมส่งสลิปมาให้ดูเป็นหลักฐานด้วย ดังนั้นหากลูกสาวโอนเงินมาให้ 5,800 บาท บวกกับเงินในบัญชีที่มีอยู่ 287 บาท  ก็น่าจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 6,087 บาท หลังจากนั้นจึงให้หลานที่บ้านเอาสมุดบัญชีธนาคาร ไปปรับเช็คที่ธนาคารออมสิน ก็พบว่ามีการกดเงินออกไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งที่สอง 1,000 บาท ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 10 นาที  จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน และอยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าใครกันแน่ที่เป็นคนกดเงินไป  

ส่วนตัวไม่ได้เจตนาจะโทษพนักงานคนนั้นว่าเป็นคนกดเงินไปแต่วันนั้นก็ไม่มีใคร เพราะสามีก็กดเงินไม่เป็น และวานให้คนๆ เดียวคือพนักงานเปลไปกด ป้าสุนันท์  ยังเล่าทั้งน้ำตาว่า เงินจำนวนดังกล่าวสำคัญกับครอบครัวมาก  เพราะต้องเอาไปใช้หนี้ค่านมร้านค้าในหมู่บ้านที่เซ็นมาให้หลานสาวกินและเก็บไว้ซื้อข้าวกิน เพราะตัวเองก็ป่วยทำงานไม่ได้รอแต่เงินที่ลูกสาวซึ่งทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะส่งมาให้ครั้งละ 1-2,000 บาท ก็มีครั้งนี้ที่ส่งมาเยอะหน่อย 5,800 บาท เพราะต้องเอาไปจ่ายหนี้ค่านมหลาน  ก็อยากจะวิงวอนหากเอาไปจริงก็ขอเอามาคืน เพราะตอนนี้ไม่มีเงินติดบ้านที่จะใช้จ่ายเลย                     

2020-04-24 16:27:33
783

มวยดังในอดีต

มวยดังในอดีต ตำนานมวยไทย อดีตนักมวยชื่อดัง ตามหานักมวยชื่อดังในอดีต | ดีเด็ดมวยไทย

กีฬารอบโลก

กีฬารอบโลก นานากีฬา ข่าวเด็ดๆ คัดเน้นๆ เพื่อให้แฟน ทีเด็ดมวยไทย ได้ดูเน้นๆ กีฬาดังๆ ฮ็อตฮิตทั่วโลก

ดาวรุ่งภูธร

ดาวรุ่งภูธร มวยดาวรุ่ง มวยหน้าใหม่จากภูธร มวยบ้านนอก ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย

ขวัญใจแฟนมวย

ขวัญใจแฟนมวย นักมวยขวัญใจแฟนมวย นักมวยหน้าหยก พระเอกมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย