"พยัคฆ์มาด" สามารถ พยัคฆ์อรุณ ยอดมวยแห่งแผ่นดินสยามตำนานนักมวยไทยที่ยังมีลมหายใจ คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความอัจฉริยะในเชิงมวยไทยรวมถึงมวยสากลของเขาผู้นี้ อดีตแชมป์มวยไทยหลายเส้น เก่งเกินตัวจนหาคู่ชกยาก ต้องแบกน้ำหนักชกกับมวยตัวใหญ่กว่า จึงต้องเบนเข็มไปชกมวยสากลอาชีพ และก็ไม่สร้างความผิดหวังให้กับผู้สนับสนุน คว้าแชมป์สภามวยโลก WBC รุ่น 122 ปอนด์มาครองได้สำเร็จ... กระทั่งไปเสียแชมป์โลกที่ประเทศออสเตรเลีย จึงหวนคืนสังเวียนผ้าใบในแบบมวยไทยอีกครั้งในปี 2531 และยังคงโชว์ความเป็นอัจฉริยะปราบยอดมวยไทยชื่อดังในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือนักมวยดาวรุ่งพุ่งแรง
โดยไฟต์นี้เป็นการเอาชนะ TKO (แตก) ยกที่ 3 นำพล หนองกี่พาหุยุทธ นักชกรุ่นน้องที่กำลังสด กำลังห้าว แถมมีพลังเข่ารุนแรง แต่สามารถก็แก้ทางด้วยการดักศอกเล่นงานนักชกรุ่นน้องแตกเลือดอาบหน้า (แตกดั้งจมูก 4 เข็ม, หัว 3 เข็ม, คิ้วซ้าย 4 เข็ม รวม11เข็ม) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2531 ณ เวทีมวยลุมพินี พระราม 4
สามารถแสดงสปิริตน้ำใจนักกีฬาเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าแพ้ หรือ ชนะ จะเข้าไปขอโทษคู่ชกไม่ว่าจะรุ่นพี่รุ่นน้อง ไฟต์นี้ก็เช่นกัน สามารถเข้าไปขอโทษพร้อมเดินกอดคอนำพล ที่สภาพใบหน้าเปรอะไปด้วยเลือดไปส่งที่มุม เป็นอีกหนึ่งไฟต์ประวัติศาสตร์ของวงการมวย สามารถยังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดอย่างต่อเนื่องจนคว้าตำแหน่งนักมวยไทยยอดเยี่ยมปี 2531
และแล้วจุดหักเหของชีวิตก็เริ่มเข้ามา สามารถเริ่มมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทำให้อ่อนซ้อม (เป็นที่มาของเพลงอ่อนซ้อม) พ่าย วังจั่นน้อย ส.พลังชัย นักชกรุ่นน้อง แบบแพ้ภัยตัวเอง จึงประกาศแขวนนวม ในปี 2532 และในปี 2536 กลิ่นสาบนวมยังคงหอมหวลอยู่ในใจ สามารถตัดสินใจคืนสังเวียนอีกครั้งในแบบมวยสากล อุ่นเครื่องชนะรวด 5 ไฟต์ แต่มาพ่ายน็อก อีรอย โรฮาส นักชกเวเนซุเอล่า ยกที่ 8 ในการชิงแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวท สมาคมมวยโลก WBA เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2537 จึงเลิกชกทั้งมวยไทยและมวยสากลอย่างถาวร
ปัจจุบัน "พยัคฆ์มาด" หรือ "ครูมาด" สามารถ พยัคฆ์อรุณ นอกจากจะรับงานแสดงแล้วยังเปิดยิมสอนมวยไทย "สามารถพยัคฆ์อรุณยิม" อยู่ที่ซอยสายไหม 31 กรุงเทพฯ