เสียตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง ขณะที่ "รถเหล็ก" แข็งแกร่งสมชื่อ เดินบดไล่ทุบ "กุหลาบดำ" ขาดกระจุย โดยรถเหล็กต่อยหมัดส่งกุหลาบดำลงไปนอนให้ท่านเปานับแปดถึง 2 ครั้ง คว้าแชมป์มวยรอบทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ไปครอง เจ้าตัวเผยรู้สึกภาคภูมิใจและต้องขอบคุณ วัน แชมเปียนชิพ ที่ให้โอกาส หากมีโอกาสชิงแชมป์กับ "น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว" จะทำให้เต็มที่   

การแข่งขันศึกวัน แชมเปียนชิพ รายการ ONE: A NEW BREED จัดอย่างยิ่งใหญ่ในระบบปิดห้ามคนเข้าชม โดยยังคงเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ในช่วงปลดล็อกโควิด-19 และมีการถ่ายทอดสดสู่แฟนๆ 150 ประเทศทั่วโลกได้ติดตามเช่นเคย ที่สังเวียนอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อคืนวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา

ไฮไลต์อยู่ที่คู่เอกนำรายการ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง กับ อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส นักชกสาวจากบราซิล เปิดฉากยกแรก แสตมป์ มาในแผนตั้งรับจับทางเน้นดูเชิงก่อน ฝั่งนักชกสาวจากแดนแซมบ้า เป็นฝ่ายเดินเข้าหา ส่วนใหญ่เน้นแลกแข้งกันกลางเวที ยกสอง แสตมป์เปลี่ยนแผนออกมาเดินลุยบ้าง มีหมัดแย็ปซ้ายนำก่อน แล้ววางแข้งตาม ด้าน อัลลิเซีย ตั้งรับมีโต้ด้วยแข้งเช่นกัน

ยกสาม แสตมป์ ออกมาเดินลุย ยิงหมัดเข้าลำตัวสลับกับขึ้นใบหน้าของอัลลิเซีย โดยนักชกสาวบราซิลมาด้วยความแข็งแกร่งจริงๆ ยิ่งโดนอาวุธของแสตมป์เข้าไป แต่เธอก็ยิ่งเดิน มีหมัดมีศอกโต้ใส่แสตมป์ทุกจังหวะ

เกมยกสี่ ดูเหมือนนักชกสาวแซมบ้ามั่นใจในกำลังของตัวเองมาก เดินยิงหมัดแล้วชวนแสตมป์เล่นวงใน ซึ่งแสตมป์รูปร่างเล็กกว่า เมื่อเข้าวงในแล้วเห็นชัดมากว่าอัลลิเซียนั้นจับในได้เปรียบ เพราะมีเหลี่ยมล็อกคอมาเสียบเข่าลูกนี้แสตมป์โดนเข้าไปออกอาการไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด

ยกสุดท้าย แสตมป์เปลี่ยนมาเดินบ้างในช่วง 30 วินาทีท้ายของยกที่ห้า แต่ทำอะไรไม่ถนัด เนื่องจากอัลลิเซียคุมเกมไว้ได้หมดแล้ว เมื่อชกกันครบห้ายก กรรมการรวมคะแนนแล้วชูมือให้ อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส นักชกจากบราซิล ชนะคะแนน คว้าแชมป์ ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง ไปครอง

ส่วนรองคู่เอก รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ชิงแชมป์มวยรอบทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต กับ กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย เปิดฉากยกแรก รถเหล็ก นักชกรุ่นพี่เดินชวนทะเลาะทันที ฝั่ง กุหลาบดำ ถอยรอจังหวะยังไม่ปะทะมาก ซึ่งปลายยก รถเหล็ก ยิงหมัดขวาเข้าเต็มหน้าเล่นงาน กุหลาบดำ ถึงกับออกอาการเซ ยกสอง รถเหล็ก เดินลุยเหมือนเดิม เน้นเตะเจาะล่าง ตามด้วยยิงหมัด อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางยกนี้ กุหลาบดำ ฟันศอกเล่นเอารถเหล็กเลือดไหลยาวบริเวณหน้าผาก ซึ่งดอกนี้เหมือนแหย่รังแตน ทำให้รถเหล็กเข้าเกียร์เดินหน้าเร็วมากขึ้น ตามด้วยสไลต์เดิมคือ เตะขาต่อยหมัด ด้าน กุหลาบดำ โดนหมัดเข้าเต็มๆ ถึงกับร่วงลงไปนอนให้กรรมการนับแปด

จากนั้นยกสาม รถเหล็ก เร่งเครื่องต่อเนื่อง เดินต่อยหมัดชวนทะเลาะเช่นเคย ซึ่งธาตุทรหดของรถเหล็กนั้นดีกว่ามาก บวกหมัดแลกกันอีก ทำเอากุหลาบดำโดนหมัดแล้วล้มลงไปกองคลุกพื้นผ้าใบให้กรรมการนับถึงแปด เมื่อได้สองนับแล้ว รถเหล็ก ก็ทำการผ่อนเกมลง เนื่องจากคุมจังหวะและคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว ด้าน กุหลาบดำ ก็ออกอาการสารภาพ เมื่อชกกันครบสามยก กรรมการรวบรวบคะแนนแล้วชูมือให้ รถเหล็ก ชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย

หลังการชก รถเหล็ก ให้สัมภาษณ์ว่า ปกติตนเองไม่แพ้มวยหมัดอยู่แล้ว ซึ่งรู้ดีว่า กุหลาบดำ นั้นหมัดหนัก ต้องขอบคุณ วัน แชมเปียนชิพ ที่ให้โอกาสได้โชว์ฝีมือบนสังเวียนผืนผ้าใบในรายการนี้ โดยแชมป์ครั้งนี้ตนเองภาคภูมิใจมาก ซึ่งในโอกาสต่อไปได้ขึ้นชิงแชมป์กับรุ่นพี่อย่าง น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาวยิม เจ้าของแชมป์โลก ตนเองก็จะทำให้เต็มที่ให้สมกับที่วันแชมเปียนชิพเปิดโอกาสให้ได้มาชกในรายการระดับโลกนี้

ขณะที่ คู่ค้ำ วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์ พบกับ เคซี คาร์ลอส สู้กันในรูปแบบมวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ยกแรก วันเดอร์เกิร์ล ยังไม่เร่งมาก ชิงจังหวะออกอาวุธได้รวดเร็วกว่าคู่ต่อกร ซึ่ง วันเดอร์เกิร์ล เน้นไปที่ลูกถีบทำลายจังหวะคู่ต่อสู้ เกมยกสอง ทั้งคู่เริ่มทดสอบกำลังกันด้วยวงใน โดยเป็นทาง วันเดอร์เกิร์ล ที่ไล่แขนได้ตีกว่า มีลูกเข่ายัดไส้สวยๆ เล่นเอา เคซี คาร์ลอส โดนเข้าไปถึงกับตัวงอเป็นกุ้งทันที เท่านั้นยังไม่พอ วันเดอร์เกิร์ล ได้จังหวะฟันศอกขวาเข้าเต็มๆ ดั้งจมูกของ คาร์ลอส ลูกนี้กรรมการดูอาการแล้วเห็นว่า คาร์ลอส ไม่พร้อมที่จะสู้ต่อ จึงตัดสินให้ วันเดอร์เกิร์ล ชนะน็อกไปในยกที่ 2      

ส่วนผลมวยประกอบรายการคู่อื่น ๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ เดนิส แซมโบอันกา ชนะซับมิสชัน (แบบคู่ต่อสู้ขอยอมแพ้) วรรษภิญญา แก้วโขง ยก 1 (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต), เดร็กซ์ แซมโบอันกา ชนะซับมิสชัน (แบบคู่ต่อสู้ขอยอมแพ้) เดชฎิล สรณ์สิริศุภทิน ยก 2 (การต่อสู้แบบผสมผสาน), ซก ที ชนะน็อก ฮวงดิง ยกแรก (มวยไทย รุ่นฟลายเวต), ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์ ชนะน็อก อเล็กซ์ ไชลด์ ยกที่ 3 (การต่อสู้แบบผสมผสาน)