เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 17 เม.ย 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นบริเวณสี่แยกไฟแดงกลางใจเมืองแม่ฮ่องสอน โดยเพลิงได้ลุกโหมไหม้อย่างหนักเผาผลาญบ้านเรือน และอาคารตึกแถววอดไป 8 คูหา เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงนับสิบคัน จากหลายหน่วยงาน ฉีดน้ำสกัดดับไฟแต่เอาไม่อยู่ ไฟได้ลุกไหม้จากร้านอาหารที่ชื่อ "ครอสโรด" ซึ่งเป็นอาคารไม้สองชั้นเป็นจุดแรก และได้ลุกลามออกไปไหม้อาคารที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ และบ้านเรือนที่อยู่ติดกันเผาผลาญไป 4 คูหา จากนั้นเปลวไฟได้พุ่งข้ามฟากถนนไปลุกลามไหม้อาคารตึกแถวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไหม้หายไปอีก 4 คูหา รวมเป็น 8 คูหา

ขณะที่เพลิงกำลังโหมกระหน่ำบรรดาห้างร้านต่าง ๆ หลังเห็นเพลิงโหมหนักพากันขนข้าวของ วิ่งหนีออกจากร้านกันอย่างชุลมุนในช่วงกลางดึก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดน้ำสกัดใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นคาดค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

สำหรับ อาคารตึกแถวที่ถูกไฟไหม้ทั้ง 8 คูหา เจ้าของบ้านต้องหนีเอาตัวรอด โดยที่ไม่สามารถขนข้าวของออกมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว บางรายถึงกับลุยฝ่าควันไฟที่ตลบอบอวลออกมา โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยชาวแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่บอกว่าไฟไหม้ครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไฟลุกลามไหม้ได้มากจนยากที่จะควบคุม เนื่องจากเวลาเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นช่วงเวลากำหนดของการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหสถาน ถึงแม้จะเกิดเหตุใจกลางเมืองแต่ก็ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา จึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มแรก จนไฟได้ลุกลามใหญ่โต และมีเสียงดังเกิดขึ้นชาวบ้านจึงรู้ตัว แจ้งรถดับเพลิงเข้าดับไฟ แต่กว่าจะควบคุมเพลิงได้ไฟก็ได้เผาผลาญวอดไปรวม 8 คูหา โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการฉีดน้ำดับเพลิงอยู่นั้น นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นางศันสนีย์ ทาสม รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน และหัวหน้าส่วนราชการหลายฝ่าย ก็ได้ไปควบคุมการทำงานและอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา.